7 แนวทางการใช้ชีวิตที่บ้านให้กลายเป็น Eco living

7 แนวทางการใช้ชีวิตที่บ้านให้กลายเป็น Eco living

ปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื่องสภาพอากาศ และภาวะโลกร้อนในปัจจุบันเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคนเรา แต่จะดีกว่าไหม ถ้าปรับเปลี่ยนชีวิต และพฤติกรรมเพียงเล็กน้อย แต่สามารถช่วยยับยั้งปัญหา และทำให้โลกสดใสขึ้นได้ ด้วยการปรับการใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวคิดแบบ Eco living ที่สามารถเริ่มต้นได้จากที่บ้าน หากหลายๆ บ้านร่วมด้วยช่วยกัน ก็จะส่งผลที่ดีต่อโลก และสิ่งแวดล้อมในอนาคตอย่างแน่นอน เรามาดูกันว่าแนวทางการใช้ชีวิตในแบบฉบับ Eco Living ที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆ มีอะไรกันบ้าง

1. ออกแบบที่อยู่อาศัย และเลือกใช้วัสดุที่ช่วยลดความร้อน
การออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุในการสร้างบ้านปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นตัวช่วยในการลดปริมาณแสง และความร้อนที่จะเข้ามาสู่ตัวบ้านได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุ การติดกันสาด การเลือกใช้กระจกสีช่วยลดแสง การออกแบบช่องลมให้มีอากาศถ่ายเท รวมไปถึงการทาสีบ้านโทนอ่อนก็จะช่วยสะท้อนแสงอาทิตย์ และลดอุณหภูมิที่เข้ามาประทะได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้เครื่องปรับอากาศและลดค่าใช้จ่ายลงได้

2. ประหยัดไฟ
การประหยัดไฟนอกจากคอยหมั่นปิดไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านหลังการใช้งานแล้ว การเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 การใช้หลอดไฟที่มีระบบ Light Automatic Sensor ที่เปิด-ปิดไฟเองโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเคลื่อนไหว รวมไปถึงการเปลี่ยนหลอดไฟภายในบ้านทั้งหมดให้เป็นแบบ LED ก็จะช่วยประหยัดพลังงาน เพราะกินไฟต่ำ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แถมยังลดความร้อนภายในบ้านได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีความร้อนค่อนข้างต่ำ จึงไม่ทำให้อากาศภายในห้องเกิดความร้อนจากแสดงหลอดไฟที่ใช้ และช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ เรียกได้ว่าเป็นการประหยัดไฟ 2 ต่อเลยทีเดียว

3. ประหยัดน้ำ
การใช้น้ำในชีวิตประจำวันเชื่อว่า คงน้อยครั้งมากที่เราจะเปิดน้ำทิ้ง แต่วิธีที่จะช่วยในการประหยัดน้ำจากเดิมสามารถทำได้ด้วยการหมั่นตรวจตรา เช็คท่อน้ำ และก๊อกน้ำไม่ให้รั่วไหล ปิดน้ำระหว่างถูสบู่ หรือแปรงฟัน รวมไปถึงการซักผ้าครั้งละมากๆ ก็จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำได้ นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดปริมาณการสูญเสียน้ำให้น้อยลง ก็เป็นอีกตัวช่วยที่ดีเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนจากการอาบน้ำแบบตักอาบมาเป็นฝักบัว การเลือกใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำระบบ Dual Flush ที่มีให้เลือกกดล้างแบบหนัก หรือเบาได้จากปุ่มกด 2 ปุ่มบนโถเก็บน้ำ ก็จะช่วยประหยัดน้ำ และค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย

4. การหมุนเวียนทรัพยากร (Zero Waste)
ปัญหาขยะส่วนหนึ่งมาจากการใช้ของครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่ว่าจะเป็น ขวดน้ำพลาสติก หลอด กล่องโฟม รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ถ้าหากมีการหมุนเวียนทรัพยากรและนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด (Zero Waste) ก็จะทำให้อัตราการเกิดขยะน้อยลง โดยยึดหลักการปฏิบัติ 1A3R  ได้แก่ Avoid เลี่ยงการก่อขยะเพิ่ม Reuse การนำกลับมาใช้ใหม่ Reduce ใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดขยะน้อยลง Recycle การหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งสามารถทำได้หลากหลาย เช่น การนำสิ่งของที่ใช้แล้วกลับมาใช้หรือดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ และใช้ซ้ำ การนำเสื้อผ้าเก่าๆ ไปบริจาค หรือนำมาใช้เป็นผ้าถูพื้น การซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่ทิ้งเป็นขยะ การใช้กระดาษชำระในปริมาณที่พอเหมาะ การใช้กระดาษให้ครบทั้งสองหน้า หรือการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันด้วยการพกกระบอกน้ำส่วนตัว เพื่อลดการใช้พลาสติก การพกถุงผ้าไปซื้อของ การงดรับช้อนส้อมพลาสติก เป็นต้น การกระทำ และการปรับพฤติกรรมเหล่านี้ นอกจากช่วยลดปริมาณขยะแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกทาง

5. การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์
การเลือกใช้พลังงานทางเลือกโดยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี เนื่องจากตัวโซลาร์เซลล์นี้จะช่วยผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงเวลากลางวันมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถดึงมาใช้ได้แม้กระทั่งในช่วงที่ไม่มีแสงแดดแล้วก็ตาม รวมไปถึงใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าสำรองในยามที่ไฟฟ้าดับได้

6. เพิ่มพื้นที่สีเขียว
การปลูกต้นไม้ หรือการทำสวนเล็กๆ บริเวณรอบบ้านนอกจากช่วยให้บ้านดูสดชื่นน่าอยู่ เพิ่มพื้นที่กิจกรรมให้กับคนในครอบครัวแล้ว ต้นไม้และพืชสีเขียวจะช่วยปลดปล่อยออกซิเจนบริเวณรอบตัวบ้าน ทำให้อุณหภูมิรอบบ้านลดลง บ้านร่มเย็น และประหยัดไฟ ซึ่งทุกๆ บ้านก็สามารถทำได้ง่ายๆ

7. เลือกใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV)
พลังงานไฟฟ้ากำลังเข้ามามีบทบาทและทดแทนพลังงานน้ำมันในรูปแบบเดิม ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ปลอดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero Emission) หรือยานยนต์ที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ ซึ่งจะช่วยให้เราก้าวไปสู่ยุคของเทคโนโลยีที่สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างยั่งยืน และเป็นทางเลือกที่ทำให้ยานพาหนะ อย่างรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ สามารถชาร์จพลังงานได้ผ่านทาง EV Charger จากทั้งที่บ้าน แบบ Normal Charge (AC) หรือสถานีชาร์จไฟ แบบ Quick Charge (DC) ซึ่งจะเป็นทางเลือกในการประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อโลกได้อย่างแท้จริง

แนวทางการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัยในแบบ Eco living ที่กล่าวข้างต้น นอกจากช่วยคุณประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ยังเป็นการช่วยสร้างคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่คุณและครอบครัว ส่วนใครที่กำลังมองบ้านใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในแบบ Eco Living ที่มาพร้อมกับสังคมคุณภาพ อารียา พรอพเพอร์ตี้ขอนำเสนอ 2 โครงการบ้านโซนบางนา  Como Bianca และ Como Botanica ที่ช่วยให้ชีวิตสไตล์ Eco Living สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ดูข้อมูลโครงการหมู่บ้านในสไตล์ Eco Living จาก อารียา พรอพเพอร์ตี้
Como Bianca เริ่มบทใหม่ของชีวิต ให้เต็มทุกจินตนาการ
Como Botanica ออกแบบชีวิตให้ชิดธรรมชาติ