บ้านแบบไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์เรา

บ้านแบบไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์เรา


จะเลือกที่อยู่อาศัยทั้งที ก็ต้องศึกษาตัวเลือกกันให้ดีเสียก่อนเมื่อ Living Space ที่เลือกจะอยู่กับเราไปนานแสนนานเหมือนคู่ชีวิตถ้าไม่ศึกษาให้ดีว่า Match กับเราหรือเปล่าไลฟ์สไตล์เข้ากันได้ไหมอาจทำให้เสียเวลาตัดสินใจนานเกินความจำเป็นเพราะการเลือกบ้านคือการเลือกสุนทรียะแห่งการใช้ชีวิตและการได้ลงเอยกับบ้านที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยจะทำให้เรามีความสุขอย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากปัจจัยมากมายอย่างราคาและทำเลที่ต้องคำนึงเวลาซื้อบ้านแล้วไลฟ์สไตล์คือความเป็นตัวตนของเราที่สะท้อนไปยังบ้านด้วยเช่นกัน

บ้านเดี่ยว
เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวและความเป็นอิสระเนื่องจากบ้านเดี่ยวมักถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์การอยู่ร่วมกันของคนในครอบครัวพื้นที่และฟังก์ชันต่างๆในบ้านจึงครอบคลุมการใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัย ทั้งห้องนั่งเล่นส่วนกลาง ห้องรับประทานอาหาร พื้นที่นอกบ้านสำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น สวนส่วนตัวสำหรับปลูกต้นไม้ พื้นที่ให้เด็กๆและสัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นนอกบ้าน หรือ จัดงานปาร์ตี้ พื้นที่จอดรถ สายรักต้นไม้ รักสัตว์ ชอบพื้นที่กว้างขวางและมีงานอดิเรก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เหมาะที่จะอยู่บ้านเดี่ยวเพื่อออกแบบไลฟ์สไตล์และพื้นที่ในบ้านของตัวเองได้อย่างตามใจ

วิลเลจ ทาวน์
เหมาะกับผู้ที่ชอบความเป็นส่วนตัวและชอบทำกิจกรรมเช่นกัน มองหาความปลอดภัยสูงแต่ไม่ต้องการอยู่บ้านเดี่ยวแยกออกไป ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง ไลฟ์สไตล์นอกบ้าน และการพบปะผู้คนนอกเหนือจากคนในครอบครัวมากขึ้น เช่น คลับเฮ้าส์ที่หรูหรา พื้นที่ออกกำลังกาย สวนที่ร่มรื่น ด้านการออกแบบวิลเลจ ทาวน์มักมีตัวเลือกน้อยกว่าบ้านเดี่ยวและมีความสำเร็จรูปมากกว่า แต่ก็มีความสวยงามน่าอยู่เช่นกัน เช่น สไตล์อเมริกัน คอทเทจ เหมาะกับคนที่ไม่อยากตัดสินใจเยอะ แต่ก็ยังอยากได้บ้านที่มีดีไซน์ทันสมัยอยู่

ทาวน์โฮม
ด้วยขนาดและพื้นที่ของทาวน์โฮมที่เล็กกว่าบ้านทำให้เหมาะกับคนโสดและครอบครัวเดี่ยวที่ไม่มีคนรับใช้หรือ ไม่อยากมีภาระดูแลบ้านขนาดใหญ่ ทั้งนี้หากอยากอยู่เป็นครอบครัวในพื้นที่ใกล้ชิดที่ไม่กว้างเกินไปก็ตอบโจทย์เช่นกัน
เหมาะกับคนที่ให้ความสำคัญในการเลือกทำเลที่อยู่ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบวงจรในราคาที่ไม่แพงเกินไป เพราะมักมีทำเลใกล้เมืองและแหล่งไลฟ์สไตล์ครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล สถานศึกษาที่อยู่ใกล้เคียง รวมถึงการคมนาคมที่สะดวกหากชอบมีเพื่อนบ้านด้วยแล้วทาวน์โฮมยิ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคุณ

โฮมออฟฟิส
สำหรับสาย Work From Home ในยุคนี้โฮมออฟฟิสคือตัวเลือกที่ใช่เลย
เป็นบ้านที่ออกแบบมาโดยคำนึงทั้งพื้นที่พักอาศัยและทำงานในบ้านผสมผสานกันอย่างลงตัว รวมทั้งเน้นสิ่งอำนวยความสะดวกและการตกแต่งภายในที่เหมาะกับการทำงานด้วยซึ่งแตกต่างจากบ้านประเภทอื่นที่เน้นอยู่อาศัยเป็นหลักเท่านั้น เหมาะกับคนนิสัยสบายๆชิวๆ ที่ไม่ต้องการความเป็นทางการสูงในชีวิตทำงานชอบบรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง อยากลดค่าใช้จ่ายอาคารสำนักงาน
ยินดีอยู่แถบชานเมืองหรือในซอยลึกที่ไกลออกไปหน่อยได้

คอนโดมิเนียม
หากเป็นคนเมืองที่ต้องการประหยัดเวลาการเดินทาง และชอบความสะดวกสบาย คอนโดคือส่ิงที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะมีตัวเลือกเป็นทำเลชั้นนำใจกลางเมืองมากมาย ยิ่งถ้ามีย่านที่ชอบ ยิ่งสามารถเลือกไลฟ์สไตล์ที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายด้วยความที่มักอยู่ใจกลางเมือง ทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยในคอนโดให้เลือกหลากหลาย เช่น ออนเซ็น ฟิตเนสสำหรับโยคะ Co-Working Space หรือ Lobby ที่สวยงามเป็นพิเศษ เหมาะกับคน Trendy ที่หลงรักชีวิตมีสีสันในเมือง

#AreeyaHome

ขอบคุณข้อมูลจาก
Cr : Plus.co.th / Poolprop / Realestatemark.com

Environmentally Friendly Home

Environmentally Friendly Home

บ้านเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย นอกจากเป็นสถานที่สำหรับ กิน นอน ทำงาน พักผ่อนแล้ว ยังเป็นพื้นที่เก็บสะสมความทรงจำ เป็นดั่ง Footprint ของครอบครัวสำหรับส่งต่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้อยู่อาศัยและสร้างความทรงจำที่ดีต่อไป

จะดีแค่ไหนถ้าตลอดช่วงชีวิตที่เป็นเจ้าของบ้าน
เราสามารถทำให้การอยู่อาศัยมีความยั่งยืนพร้อมกับชีวิตของเราที่ยืนยาว สามารถลด Carbon Footprint ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ต้นเหตุที่ทำให้เกิดโลกร้อนได้ วันนี้พามาดูเรื่องราวของ Eco House หลากวิธีการแต่งบ้านให้รักษ์โลก ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นสายกรีนสุดโต่ง แค่มีใจคิดถึงโลกก็ทำได้


Open Space
Kovac Design Studio เป็นสตูดิโอออกแบบที่ให้ความสำคัญ
เรื่องการมีพื้นที่ในบ้านซึ่งเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เช่น การมีครัวเปิด (Open Kitchen) ที่มองเห็นวิวทิวทัศน์และท้องฟ้าข้างนอก การออกแบบห้องนั่งเล่นโดยให้แสงแดดสาดส่องเข้ามาในบ้านได้ หรือมีพื้นที่กลางแจ้งที่มีต้นไม้แทรกเข้ามา การเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ นอกจากจะทำให้รู้สึกรื่นรมย์และรักธรรมชาติมากขึ้นแล้ว ยังทำให้กระบวนการตกแต่งบ้านที่ตามมาใช้วัสดุรักษ์โลกตามไปด้วยเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์บ้าน เช่น ใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน ไม่จำเป็นต้องใช้แสงจ้าเกินไปเพราะมีแสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องอยู่แล้ว


Think Tiny
ยิ่งพื้นที่เล็กเท่าไหร่ ยิ่งประหยัดพลังงานได้มากเท่านั้น
Tailored Tiny Co. ที่อเมริกาเป็นบริษัทเน้นออกแบบบ้านขนาดเล็กโดยเฉพาะ ด้วยความเชื่อว่าพื้นที่ขนาดเล็กก็สามารถมีชีวิตที่หรูหราได้ สามารถออกแบบให้สะดวกสบายต่อการใช้งานไม่แพ้บ้านขนาดใหญ่ เพราะสิ่งสำคัญกว่าพื้นที่กว้าง คือ การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในบ้าน Tailored Tiny จึงเน้นวิเคราะห์ความต้องการของแต่ละคนเลือกเก็บเฉพาะสิ่งสำคัญ ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นในบ้านออก และออกแบบการใช้งานในสเกลขนาดเล็กที่ลด Carbon Footprint ใครมีพื้นที่กว้างขวางที่ใช้สอยไม่เต็มที่ ลองใช้วิธี Think Tiny กับบ้านของตัวเองดู


Green Tech
สำหรับสายไฮเทคที่อยากจริงจังกับการประหยัดพลังงานมากขึ้น
ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมายให้เราเลือกแต่งเติมบ้านเฉพาะจุดได้ ไม่ว่าจะเป็นแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน หน้าต่าง Low-E glass หรือ กระจกประหยัดพลังงาน ระบบปรับสภาวะอากาศและอุณหภูมิในบ้าน Fall House จาก Fougeron Architecture เป็นบ้านริมทะเลที่ใช้เทคโนโลยีทั้งหมดเหล่านี้ อย่างไรก็ตามแม้เป็นบ้านในเมืองใหญ่ ไม่ใช่บ้านพักตากอากาศ ก็สามารถนำเทคโนโลยีทั้งหมดนี้มาประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน โดยอาจเริ่มจากการเลือกว่าเราอยากแต่งเติมส่วนไหนของบ้าน หลังคา พื้น ผนัง หรือหน้าต่าง แล้วเลือกใช้ Green Tech ที่เหมาะกับบ้านของเรา


Eco-Friendly Interior
หากไม่อยากปรับเปลี่ยนการก่อสร้างบ้านใหม่เยอะ
การตกแต่งภายในโดยเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์รักษ์โลกก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด สตูดิโอออกแบบครบวงจรในอเมริกาที่อยากแนะนำให้รู้จักคือ Nea Studio นอกจากออกแบบบ้านแล้วยังมีของตกแต่งบ้านจากวัสดุรักษ์โลกให้เลือกใช้ทั้งโคมไฟจากตะไคร่น้ำ ม้านั่งพลังงานแสงอาทิตย์ โซฟาจากถั่ว แม้ฟังดูสุดโต่ง แต่เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้มีดีไซน์ทันสมัย เหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์น แค่เพียงเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์เล็กๆน้อยๆอย่างเก้าอี้ หรือโซฟาหนึ่งตัวก็ช่วยโลกและยังตกแต่งบ้านให้สวยได้แบบง่ายๆ

#AreeyaHome
#SustainableHappiness
#EcoHouse

ขอบคุณข้อมูลจาก
Cr: kovacdesignstudio / neastudio / tailoredtinyco / thegoodtrade / thespruce
Cr Image : Kovacdesignstudio / tailoredtinyco / thegoodtrade / neastudio

Stylish Mirror

Stylish Mirror

ของตกแต่งบ้านชิ้นใดจะเหมาะกับยุคเซลฟี่มากไปกว่ากระจกดีไซน์สวยงาม
เมื่อ ‘เทรนด์เซลฟี่ผ่านกระจก’ กลายเป็นแฟชั่น การมีกระจกดีไซน์เก๋สักบานประดับบ้านก็สะท้อนความมีสไตล์ของบ้านเช่นกัน

ทุกวันนี้กระจกไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ด้านฟังก์ชันการใช้งาน เพียงแค่ให้เรามองเห็นภาพสะท้อนของตัวเองเท่านั้น แต่ยังช่วยตกแต่งห้องให้มีมิติ และสะท้อนบุคลิกของเจ้าของห้อง เป็นเครื่องประดับบ้าน ที่สามารถจัดวางให้กลืนไปกับเฟอร์นิเจอร์และมุมต่างๆของห้องได้ไม่ยาก หากเบื่อการมองตัวเองผ่านกระจกบานสี่เหลี่ยมธรรมดา ลองเปลี่ยน ‘มุมมอง’ ตัวเองในแต่ละวันและตกแต่งห้องให้สวยขึ้นด้วยไอเดีย Stylish Mirror เหล่านี้กัน


Moon-Inspired Mirror
กระจกรูปพระจันทร์เสี้ยวโดยนักออกแบบชาวเม็กซิกัน Granila Santisteban บานนี้ได้แรงบันดาลใจจากจันทรุปราคา เธอตกแต่งกระจกด้วยทรายโดยแต่ละบานเป็นงานทำมือที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก และมีลวดลายแตกต่างกันไป ทั้งจันทร์ครึ่งดวง จันทร์เสี้ยว ข้างหลังกระจกมีไฟ LED ซ่อนอยู่ หากเปิดในเวลากลางคืน กระจกจะเรืองแสงนวลคล้ายพระจันทร์ในยามค่ำ สามารถใช้แอปพลิเคชั่นปรับความเข้มของแสงไฟตามอารมณ์ได้ จะเลือกติดกระจกประดับผนังห้องแบบเดี่ยวๆ หรือ ติดหลายบานเรียงกันคล้ายการหมุนข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์ก็เก๋ไม่แพ้กัน


Hay Shapes Mirror
หลายคนคงคุ้นเคยกับ Hay แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก ที่มีดีไซน์โมเดิร์นและตอบโจทย์การใช้งานในบ้านเป็นอย่างดี คอลเล็คชั่นกระจกรุ่น Shapes ของ Hay ออกแบบโดย Sylvain Willenz เป็นซีรีส์กระจกที่ออกแบบมาหลายรูปทรง ทั้งกลม รี สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม สามารถเลือกทรงกระจกที่เหมาะกับเหลี่ยมมุมและมิติห้องของเราได้ ตัวกระจกยังประดับด้วยไม้ที่เล่นสีสัน ทั้งฟ้า ดำ เทา เขียวมิ้นท์ พีช
ทำให้มีดีไซน์ที่ดูแตกต่างจากกระจกทั่วไป ตั้งกับพื้น โต๊ะ หรือติดผนังก็ได้ หากใครมีห้องเรียบๆ ลองประดับห้องด้วยกระจกทรงกราฟฟิค ก็ดูเก๋ไก๋ไม่เบา


Safi Floor Mirror
กระจกทรง Abstract เป็นอีกหนึ่งเทรนด์แต่งบ้านที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้แค่เพียงเปลี่ยนจากกระจกรูปทรงธรรมดาอย่างอย่างกลม หรือ สี่เหลี่ยม มาเพิ่มทรวดทรงด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ห้องมีดีไซน์และดูเป็นคนมีสไตล์ขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ

Safi Floor Mirror เป็นกระจกตั้งพื้นแบบเต็มตัว มีฐานตั้งทรงกลมจากไม้สน เหมาะกับคนรักการแต่งตัวที่ชอบชื่นชมแฟชั่นในกระจก การเป็นกระจกบานกว้างนอกจากทำให้เห็นชุดที่ใส่แบบเต็มตัวแล้วยังทำให้เห็นห้องในมุมกว้างและทำให้บรรยากาศห้อง Minimal ขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่เยอะแต่แพรวพราวด้วยดีไซน์


Chamcha Wall Decoration Mirror
อีกหนึ่งทางเลือกนอกจากใช้กระจกบานใหญ่บานเดียว คือ การตกแต่งผนังด้วยกระจกขนาดเล็กหลายบาน หรือที่เรียกว่า Wall Decoration สำหรับ Chamcha Wall Decoration Mirror จาก Phillips Collection ชุดนี้มีกระจกล้อมกรอบไม้บานเล็กติดสลับกับเครื่องประดับจากไม้ธรรมชาติ ทำให้เกิดการจัดวางที่สวยงามบนผนัง การเลือกวัสดุเป็นไม้ที่กลมกลืนไปกับห้องยิ่งช่วยขับ Mood & Tone ของห้องให้เด่นชัดขึ้นมาอีกด้วย หากใครเป็นคนมีไอเดียสร้างสรรค์ การเลือกซื้อกระจกขนาดเล็กหลายบานที่มีดีไซน์แตกต่างกัน ทำให้ได้เปลี่ยนผนังห้องให้กลายเป็นงานศิลปะและยังเปลี่ยนมุมถ่ายรูปได้เยอะอีกด้วย

#AreeyaHome
#DesignInspiration

ขอบคุณข้อมูลจาก
Cr : Archello / Designboom / granilasantisteban.com / mydecoshop / Mymodernmet / Urbanoutfitters / wallmirrors.eu
Cr Image : memoky / Mymodernmet / Designboom / Urbanoutfitters / Archello

ส่องบ้านสวยไอเดียล้ำ

ส่องบ้านสวยไอเดียล้ำ
The World’s most Extraordinary Homes!

สาวก Netflix คงคุ้นเคยกับรายการแต่งบ้านที่มีอยู่มากมาย ซึ่งถ้าใครอยากรู้สึกถึงความว้าว ต้องลองเลื่อนไปดู The World’s most Extraordinary Homes! รายการพาไปเยี่ยมบ้านที่ไม่ธรรมดาทั่วโลก เล่าเรื่องโดยสถาปนิกมือรางวัลอย่าง Piers Taylor และ Caroline Quentin นักแสดงและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้หลงใหลในงานสถาปัตยกรรม เราจะได้เห็นห้องต่างๆ ภายในบ้านผ่านมุมมองของผู้อยู่อาศัยจริง มีการพูดคุยสัมภาษณ์เจ้าของบ้านหรือสถาปนิกที่ทำให้ยิ่งทึ่งจากแนวทางการออกแบบที่ต้องก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ทั้งพื้นที่ ภูมิศาสตร์ และสภาพอากาศ มาลองดูตัวอย่างบ้านบางหลังจากรายการนี้กัน แต่ถ้าอยากเห็นไอเดียสดใหม่มากกว่านี้ต้องลองไปดูต่อกัน แล้วอาจจะเจอบ้านในฝันของเราอยู่ในนั้นก็ได้ !





Under Pohutukawa
บ้านภาษาต้นไม้ ประเทศ New Zealand
ออกแบบโดย Herbst architects
บ้านพักตากอากาศกลางป่าละเมาะโบราณทางตอนเหนือของประเทศนิวซีแลนด์ สร้างด้วยข้อจำกัดของกฎหมายอนุรักษ์ที่เข้มงวด ทำให้การออกแบบต้องคำนึงถึงความกลมกลืนกับธรรมชาติเป็นหลัก ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ดิน การย้ายต้นไม้และการดูแลเพื่อไม่ให้บ้านหลังนี้ส่งผลเสียหายต่อพื้นที่ป่าโดยรอบ การอออกแบบใช้ดีไซน์หลังคากระจก รองรับด้วยโครงเหล็กและคานไม้เพื่อเลียนแบบกิ่งก้านของต้นไม้ ผนังใช้ไม้หลากเท็กซ์เจอร์ที่มีความขรุขระเสมือนลำต้นของ
พูฮูกาวา เพดานกระจกเน้นความโปร่งโล่ง มองเห็นท้องฟ้าและร่มเงาไม้ใหญ่ ให้ความรู้สึกเหมือนอาศัยอยู่กลางป่า ประตูบ้านสามารถเปิดได้กว้างเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยระหว่างภายในกับภายนอก ดูเป็นบ้านที่คนอยู่อาศัยมีความผ่อนคลายได้ทุกวัน

http://herbstarchitects.co.nz/projects/under-pohutukawa





VILLA VALS
บ้านใต้ดิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ออกแบบโดย SeARCH and CMA Architects
บ้านที่ได้รับรางวัลการออกแบบมามากมายและโด่งดังจนหลายคนอาจคุ้นตา สร้างบนเนินเขาธรรมชาติที่มีข้อจำกัดในการเก็บรักษาโรงฟาร์มดั้งเดิมเอาไว้ บ้านหลังนี้จึงออกแบบทางเข้าให้เชื่อมต่อกับโรงฟาร์ม จากประตูเก่าๆ เข้าไปเห็นยุ้งข้าวผ่านทางเดินไป 22 เมตรใต้อุโมงค์ที่ดูลึกลับและน่าค้นหา เมื่อพ้นออกมาจะเจอบ้านใต้ดินที่แสนผ่อนคลาย การก่อสร้างต้องขุดเนินเขาลึกลงไปถึง 36 ฟุตเพื่อสร้างบ้าน 2 ชั้น 4 ห้องนอน และต้องออกแบบให้ทุกห้องได้รับแสงสว่างส่องถึงหน้าต่างที่กระจัดกระจายไปทั่วบ้านต้องถูกคิดมาอย่างดี นับว่ามีความยากและซับซ้อนแต่เจ้าของบ้านผู้เป็นสถาปนิกก็ไม่ย่อท้อถึงแม้มีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ความคิดสร้างสรรค์หรือสิ่งที่น่าประทับใจของบ้านหลังนี้บางครั้งก็เกิดจากความไม่ตั้งใจนั่นเอง

https://www.archdaily.com/43187/villa-vals-search-cma





Cabin Lyngholmen

บ้านพักกลางโขดหินริมทะเล ประเทศนอร์เวย์
ออกแบบโดย Lund & Hagem Architects

เมื่อเราต้องทำงานอย่างเหนื่อยล้า การได้พักท่ามกลางธรรมชาติเพื่อคลายความเครียดคือสิ่งที่ช่วยชาร์จแบตให้ชีวิตกลับมามีพลังได้ บ้านหลังนี้ถูกดีไซน์ด้วยแนวคิดเช่นนั้น บ้านริมชายฝั่งในประเทศนอร์เวย์ที่ถูกออกแบบโดยให้บ้านแฝงตัวอยู่ท่ามกลางโขดหิน กลมกลืนกับภูมิทัศน์ แม้ต้องสร้างตามกฎหมายผังเมืองที่เข้มงวด และข้อจำกัดของพื้นที่เพียง 100 ตารางเมตร แปลนบ้านเล็กกว่าสนามเทนนิส แต่ยังสามารถออกแบบให้เป็นบ้าน 4 ห้องนอน โดยสร้างสรรค์ให้มีการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ด้านนอกบ้านอย่างลงตัว เช่นการแบ่งห้องนั่งเล่นออกเป็นสองส่วน รวมทั้งการเลือกวัสดุที่ทนทานเช่นคอนกรีตที่ทนต่อความเค็มของทะเล เมื่อเรามองจากมุมไกลจะเห็นได้ว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้รบกวนพื้นที่โดยรอบเลย เป็นการแสดงความเคารพต่อธรรมชาติ แต่ก็ยังเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยฟังก์ชันสะดวกสบายเพื่อการพักผ่อนอันอบอุ่นของครอบครัวในช่วงเวลาที่จดจำ

https://lundhagem.no/work/cabin-lyngholmen/

#AreeyaHome
#ArtandDesign

Reuse Rethink Reimagine คิดใหม่ ใช้ซ้ำ ไอเดียสร้างสรรค์ฉบับรักษ์โลก

Reuse Rethink Reimagine
คิดใหม่ ใช้ซ้ำ
ไอเดียสร้างสรรค์ฉบับรักษ์โลก

เทรนด์เรื่อง Sustainability อยู่ในความสนใจของผู้คนทั่วโลก เรารู้กันดีถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และหลายปีมานี้ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ พากันหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อทำให้กิจกรรมของมนุษย์ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยลง และในวงการออกแบบ เหล่าดีไซเนอร์ชั้นแนวหน้าในประเทศอังกฤษ ก็พยามค้นหาวัสดุใหม่ๆ จากการรีไซเคิลสิ่งที่มีอยู่ ทั้งสิ่งทอ แก้ว เซรามิก เปลี่ยนขยะเหลือใช้ให้มีค่าโดยใช้นวัตกรรมมาช่วยในการสร้างสรรค์ออกมาเป็นชิ้นงานที่ทั้งสวยงามและใช้งานได้จริง




Plastic Baroque
By James Shaw

คอลเลคชั่นนี้เกิดจากไอเดียการนำขยะพลาสติกมาดีไซน์เป็นเฟอร์นิเจอร์และของใช้ ใช้นวัตกรรมคิดค้นปืนในการอัดเม็ดพลาสติกที่เป็นขยะ นำมากลับมาสร้างสรรค์ใหม่ ทำให้สิ่งของไร้ค่ากลายเป็นชิ้นงานที่มีฟังก์ชันและดูเก๋ไก๋แปลกตา มีทั้งช้อนส้อม โคมไฟ และเก้าอี้สำนักงาน

https://jamesmichaelshaw.co.uk/




Beauty in Space
By Aimee Bollu

ผลงานเซรามิคที่เกิดจากการนำวัสดุเหลือใช้ต่างๆ เช่นกระเบื้อง กระดาษ ดิน เครื่องดินเผา มาทดลองออกแบบเป็น ถ้วย จานชาม หรือแก้ว โดยแต่งเติมสีสันและเท็กซ์เจอร์ใหม่ให้ดูน่าสนใจและยังใช้งานได้ ทำให้เรามองของเหลือใช้ในอีกมุมได้อย่างชัดเจน

https://www.aimeebollu.com/




Wall-Hanging
By Lola Lely

แม้กระทั่งเศษผ้าเหลือใช้ก็กลับดูสวยงามและมีความหมาย เมื่อถูกนำมาดีไซน์ด้วยเทคนิคสไตล์ดั้งเดิมของเกาหลีคือ Bojagi ถักทอขึ้นใหม่เป็นงานคราฟท์ประดับบ้านได้อย่างมีสไตล์ นอกจากจะเป็นการนำวัสดุกลับมาใช้แล้วยังเห็นชัดเจนว่าการออกแบบช่วยเพิ่มมูลค่าได้อย่างแท้จริง

http://www.lolalely.com/

#AreeyaHome

IG. Interior Design สุดปัง! ที่สายแต่งบ้านต้องไปฟอล

IG. Interior Design สุดปัง! ที่สายแต่งบ้านต้องไปฟอล

ช่วงหลังมานี้หลายคนมีโอกาสอยู่บ้านมากกว่าเดิม อาจมีบางวันที่นั่งมองมุมต่างๆ แล้วอยากปรับเปลี่ยน หรือแต่งเติมให้บ้านมีสไตล์และตอบรับการใช้งานมากขึ้น เช่น มุมปลูกต้นไม้ มุมนั่งเล่น มุมดูหนัง นั่งชิลล์จิบกาแฟ อาจจะอยากจัดโซฟาหรือวางของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ เติมเต็มให้บ้านดูน่าอยู่
นั่งนึกไปอาจจะคิดไม่ออก เราเลยรวบรวม Instagram Account ที่คนชอบแต่งบ้านต้องดูไว้เป็นแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะหลงใหลสไตล์ไหนก็จะมีไอเดียมาจัดบ้านให้เป็นตัวเองจริงๆ แล้วจะมีความสุขกับทุกมุมได้ทุกวัน

01
สไตล์ทรอปิคอล ‘บ้านคือที่พักผ่อน’
สำหรับคนอารมณ์ศิลปินที่ชอบบ้านที่มีความทรอปิคอลนิดๆ สีสันป๊อบๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสไตล์รีสอร์ทริมทะเล ต้องติดตาม 2 Account นี้เลย รับรองว่าจะได้ไอเดียในการมิกซ์แอนด์แมทช์สีสันไปจนถึงการเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือของใช้ที่มีลวดลายพื้นถิ่นมาตกแต่งให้ดูมีเรื่องราว รวมทั้งการปลูกต้นไม้ภายในบ้านที่จะทำให้บ้านมีความผ่อนคลายมากขึ้น
https://www.instagram.com/dabito/?utm_source=ig_embed
https://www.instagram.com/justinablakeneyhome/…

02
สไตล์โมเดิร์นวอร์มๆ ‘บ้านคือความอบอุ่น’
ถ้าใครชอบบ้านที่มีความโปร่งโล่ง กระจกเปิดรับแสงธรรมชาติ โทนสีเอิร์ธโทนสว่างสบายตา ดูเรียบง่ายแต่มีความอบอุ่น เน้นโชว์โครงสร้างวัสดุและพื้นผิว มักใช้ไม้ กระจก เหล็กเป็นส่วนประกอบ ไม่เคลือบสีฉูดฉาดมากนัก ลองตามไปหาแรงบันดาลใจกันที่นี่กับสไตล์และสีสันที่คนอยู่อาศัยจะผ่อนคลายและยังยั่งยืนเพราะความเรียบ น้อย ไม่วุ่นวาย ดูแลรักษาได้ง่าย
https://www.instagram.com/the_stables_/?utm_source=ig_embed
03
สไตล์โฮมมี่สบายๆ ‘บ้านง่ายๆ ถ่ายรูปได้สไตล์เกาหลี’
มาดูไอเดียของบ้านที่เราอยากจัดปรับแต่งก็ DIY เองได้ง่ายๆ เรียบแต่น่ารักเหมือนอยู่คาเฟ่ในกรุงโซลจะหาไฟคริสมาสต์มาติดให้ได้ฟีล หรือจะต่อโปรเจคเตอร์เปลี่ยนกำแพงสีขาวเป็นจอนอนดูหนัง ดู Netfilx ในห้องนอนแบบชิลล์ๆ ถ้าใครชอบแนวนี้ นี่คือ Instagram ที่จะสร้างแรงบันดาลใจการแต่งบ้านที่ทำได้เองและอยู่ได้จริงๆ ที่สำคัญคือยังดีไซน์มุมเก๋ๆ เอาไว้ถ่ายรูปเล่นได้อีกด้วย
https://www.instagram.com/ggumigi_styling/

04
สไตล์อิเล็กทริก ‘บ้านนี้หลากหลายมุมไฮไลท์’
Instagram นี้รวบรวมมุมของบ้านแต่ละหลังในรูปแบบที่แตกต่างมีจุดเด่นในตัวเอง เช่น ห้องน้ำที่มีกระเบื้องลายเก๋ ห้องทานอาหารกับเฟอร์นิเจอร์ทรงวินเทจไม่ซ้ำใคร ไฟสั่งทำแบบเฉพาะ การจับคู่สีและปูพรมเล็กๆ น้อยๆ ไอเดียต่างๆ เหมาะสำหรับคนชอบสร้างสรรค์ ถือซะว่าเป็นการเก็บข้อดีของแต่ละห้อง เลือกที่ชอบแล้วมาสนุกไปกับการแต่งบ้านของตัวเอง
https://www.instagram.com/homepolish/?utm_source=ig_embed
05
สไตล์โมโนโทน ‘บ้านเรียบหรู คุมโทน’
สำหรับคนชอบบ้านแบบมินิมัลสไตล์ โทนสีน้อยๆ โล่งโปร่งสบาย ลองดูไอเดียจากดีไซเนอร์ฝั่งสแกนดิเนเวียคนนี้ที่เน้นการแต่งบ้านแบบคุมโทน สีน้อย โล่ง เรียบ ยิ่งมีของไม่เยอะก็ยิ่งทำให้ต้องพิถีพิถันในการเลือกเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นเป็นพิเศษ เพราะเมื่อวางเข้าไปแล้ว จะโดดเด่นเหมือนเป็นชิ้นงานศิลปะในแกลเลอรีกันเลยทีเดียว ใครชอบทางนี้ลองตามไปส่องกัน
https://www.instagram.com/annaleena.interiors/…

#AreeyaHome

Food Delivery ไร้ขยะ

Food Delivery ไร้ขยะ

560 ล้านชิ้นต่อปี คือ ปริมาณขยะจาก Food Delivery ในไทย
1,500 กิโลกรัมต่อวัน คือ ปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นจากอาหารและหน้ากากอนามัย
เฉพาะกรุงเทพในช่วงโควิดที่ผ่านมา เมื่อทุกคนพร้อมใจกันสั่งข้าวไปกินที่บ้าน
สิ่งที่ตามมา คือ ขยะพลาสติกปริมาณมหาศาลที่ใช้เวลาย่อยสลายอย่างต่ำ 200-400 ปี

เมื่อตลาดธุรกิจ Food Delivery กำลังใหญ่ขึ้นทุกวัน ปัญหาขยะจากแพ็กเกจพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single use Plastic) ก็ทวีคูณด้วยเช่นกัน การสั่งอาหาร 1 ออเดอร์พ่วงมาด้วย ถุงหิ้ว x ซองใส่ซอส x ซองใส่ตะเกียบและช้อนส้อม x ถุงใส่น้ำซุป x ถุงใส่ข้าว x ถุงใส่หลอด เบื้องหลังความสะดวกสบายที่อิ่มท้องแบบไม่ต้องล้างจานและไม่ต้องลุกไปที่ร้านนี้ แลกมาด้วยสารพันไอเท็มพลาสติกชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่กลายเป็นสารพัดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกโดยเฉพาะเมืองใหญ่ที่มีปัญหาขยะล้นกำลังตั้งคำถามว่า
เราสามารถ Eat at Home อย่างสบายใจ สะดวก และไร้ขยะได้ไหม กระแส Zero Waste หรือ ขยะเหลือศูนย์ ซึ่งเริ่มจากคนนิยมไม่พกหลอด ไม่พกถุง อาจเป็น New Normal มาตรฐานใหม่ในวงการ Food Delivery ด้วยเช่นกัน

แต่การสั่งอาหารแบบไร้ขยะนั้นทำอย่างไรและทำได้จริงไหม ตามมาดูหลากไอเดียจากผู้ประกอบการ ธุรกิจ และเมืองที่ใส่ใจการส่งอาหารแบบรับผิดชอบโลกไปด้วยกัน


Indy Dish x Superlock การร่วมมือกันส่งอาหารด้วยข้าวกล่อง
Indy Dish แอปรวบรวมร้านอาหารเพื่อสุขภาพโดยคนไทย มีความตั้งใจบริการส่งอาหารที่ดีต่อร่างกาย ดีต่อใจ และดีต่อโลกไปพร้อมๆกัน แม้การบริหารจัดการจะยากขึ้นมาก หากใช้ภาชนะที่ไม่เกิดขยะ แต่ผู้ก่อตั้ง Indy Dish คุณดารินเชื่อว่าปัญหาขยะเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ จึงได้ร่วมมือกับ Super Lock แบรนด์กล่องพลาสติกสัญชาติไทยเช่นกัน
ส่งอาหารให้ลูกค้าด้วยภาชนะใช้ซ้ำ โดยเริ่มจากทำแคมเปญ ‘มื้ออร่อยที่ใช้ภาชนะรักษ์โลกได้’ ในปี 2019 ลูกค้าสามารถเลือกบริการ ‘ใส่อาหารในภาชนะรักษ์โลก’ ทำให้ไม่รู้สึกผิดที่สั่งอาหาร Delivery หลายคนที่สั่งอาหารจากข้าวกล่องมักกลับมาสั่งซ้ำ แสดงให้เห็นว่าแม้ในไทยเอง การส่งอาหารแบบไร้ขยะที่หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป


Trashless Takeaway
ด้วยแรงบันดาลใจจากระบบปิ่นโตของอินเดีย
จุดเริ่มต้นของโครงการนี้เริ่มจาก เชฟชื่อ Hunter J. Moyes สังเกตว่า คนอินเดียมักสั่งอาหารไปกินที่ทำงานโดยใช้ปิ่นโตในชีวิตประจำวันมานานแล้ว ทำให้อินเดียมีระบบส่งอาหารที่ไม่เกิดขยะพลาสติกอย่างน่าทึ่ง เขาจึงก่อตั้งโปรเจ็คชื่อ Trashless Takeaway ที่แคนาดา ผลิตปิ่นโตแบรนด์ของตัวเองพร้อมสร้างเครือข่ายร้านอาหารท้องถิ่นที่ยินดีรับปิ่นโตรวมทั้งกล่องอาหารใช้ซ้ำ ลูกค้าผู้ใช้ภาชนะรักษ์โลกจะได้ส่วนลดจากการซื้ออาหาร 10% นับเป็นโครงการที่เริ่มจากการช่างสังเกตและสร้างสรรค์ ปัจจุบัน Trashless Takeaway ย้ายไปทำที่เบลเยียมและเปลี่ยนชื่อเป็น Tiffin Belgium


Rise Cafe
กินอาหารแบบไทย ไร้ขยะ
คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก Rise Cafe เป็นร้านอาหาร Delivery ที่ใช้ทั้งปิ่นโต ใบบัว และผลไม้มาบรรจุหีบห่ออาหารในรูปแบบที่น่าประทับใจ เช่น ข้าวห่อใบบัวแบบไทยโบราณ ข้าวสับปะรดที่บรรจุในผลสับปะรดเป็นลูกมัดด้วยเชือกส่งถึงบ้าน นอกจากจะมุ่งรักษาสิ่งแวดล้อมและลดขยะพลาสติกแล้ว
ยังมุ่งคัดสรรวัตถุดิบจากชุมชนและสืบสานวิถีการกินอาหารแบบไทยอีกด้วย
มีบริการ ‘ผูกปิ่นโต’ แพ็คเกจคอร์สส่งอาหารติดกัน 5 วัน 10 มื้อ ใช้ปิ่นโตสีเหลืองเปลือกข้าวโพดซึ่งเป็นงานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ในแต่ละวันจะมีบริการรับปิ่นโตมาทำความสะอาดและส่งคืนให้ใหม่ในวันรุ่งขึ้นพร้อมอาหารมื้อใหม่ จากการเก็บสถิติของทีมงานนั้น มีผู้ใช้บริการปิ่นโตไปถึง 3,000 เถา
ซึ่งช่วยลดการใช้ถุงพลาติกราว 12,000 ใบ คุมมลพิษทางอากาศได้ 6.5 กิโลกรัมและลดการใช้น้ำ 4,920 ลิตร


Living Kafe
กับโมเดลคนส่งนม
อีกหนึ่งร้านอาหารในเครือเดียวกันกับ Rise Cafe ที่รักโลกด้วยการใช้โมเดล Milkman หรือ คนส่งนมผู้ปั่นจักรยานไปส่งนมถึงหน้าบ้านทุกเช้า โมเดลนี้ได้รับความนิยมที่ต่างประเทศในสมัยก่อน แต่กลับเป็นรูปแบบที่อาจหวนกลับมานิยมอีกครั้ง เพราะการปั่นจักยานรวมทั้งใช้ขวดแก้ว Reuse ช่วยลดได้ทั้งพลาสติกและโลกร้อน ขวดแก้วทุกขวดจะถูกนำไปทำความสะอาดและสามารถนำกลับมาใช้ได้อย่างไม่จำกัด ธุรกิจนี้เริ่มทำในเขตพระนครโดยเปลี่ยนจากส่งนมเป็นส่งกาแฟแทนและตั้งชื่อว่า Pranakorn Coffeeman


Green to Go
สร้างระบบให้คนทั้งเมืองสะดวก Reuse
Green to Go จาก Durham ประเทศอังกฤษ ไม่ใช่แอป Food Delivery ทั่วไปที่ให้คนสั่งอาหาร แต่เป็นแอปที่เชิญชวนให้คนทั้งเมืองสมัครสมาชิกเพื่อรับบริการภาชนะใช้ซ้ำ ผู้ที่เสียค่าสมาชิกสามารถเช็คตำแหน่งตู้บริการภาชนะรักษ์โลกตามจุดต่างๆในเมืองจากแอป และสามารถใช้ภาชนะนี้ร่วมกับร้านอาหารกว่า 25 ร้านในเมืองที่ร่วมโครงการ เมื่อใช้เสร็จสามารถคืนภาชนะที่จุด drop-off หรือ ร้านอาหารในเมืองได้
Green to Go จะนำภาชนะไปทำความสะอาดด้วยกระบวนการที่ได้มาตรฐานต่อไป วิธีนี้ช่วยลดภาระของร้านอาหารและทำให้คนทั้งเมืองสะดวกในการลดขยะ
แอปนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเมืองชื่อ Don’t Waste Durham
ผู้ก่อตั้งโครงการเชื่อว่าโมเดลนี้อาจเป็นต้นแบบให้เมืองอื่นที่อยากผลักดันการลดขยะด้วยเช่นกัน

#AreeyaHome
#SustainableHappiness
#ZeroWaste

ขอบคุณข้อมูลจาก
Cr : bangkokbiznews / business+ / cbc / greenpeace / positioningmag.com / rise cafe / the cloud / ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
Cr Images : indydishthailand / TiffinBelgium / risecafebkk / livingkafe / GreenToGoNC

The new cafe you must try!

The new cafe you must try!

ขอต้อนรับการกลับมาหลังจากปลดล็อกชีวิตตัวเองแล้ว ไปฮีลร่างกายและจิตใจกันแบบ Keep Social Distancing ที่เหล่า Cafe hopper ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการเที่ยวคาเฟ่ในรูปแบบ New normal ได้


Season Bangkok

ดูเก๋ สะดุดตาตั้งแต่หน้าร้านต้องให้เค้าเลย Season Bangkok คาเฟ่ใหม่ย่านชิคๆ อย่างทองหล่อ ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในตอนนี้ ต้องตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็นเลยจริงๆ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป มีกลิ่นอายของความคลาสสิคอยู่เบาๆ ชนิดที่ยืนโพสต์ท่าเก๋ๆ หน้าร้าน อัพรูปลงไอจี ก็ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ไทยแลนด์ ด้วยการรีโนเวทอาคารหลังเก่าให้กลายเป็นคาเฟ่ฟีลยุโรป ดื่มด่ำกับบรรยากาศสบาย ๆ สามารถนั่งชิลล์ชมทัศนียภาพบริเวณโซนด้านนอกได้ในหลายๆ มุมมอง

ด้วยการพลิกวัสดุธรรมดาๆ อย่าง ‘อิฐเผา’ เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยทำให้คาเฟ่ดูคลาสสิกแล้ว ยังสามารถถ่ายทอดความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านการเปลือยของวัสดุได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เมื่อใช้สัดส่วนของความโค้งเข้ามาช่วยเสริม บรรยากาศโดยรวมของร้านจึงดูนุ่มนวลให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ส่วนภายในใช้โทนสีน้ำเงินเข้ากับเทรนด์สี Pantone ปี 2020 ที่มีความเป็นแฟชั่น การเลือกนำโทนสีขาวและสีครีมมาจับคู่เข้ากับสีน้ำเงิน ก็เพื่อเบลนด์บรรยากาศของร้านให้ดูอบอุ่นขึ้น ด้วยพื้นที่ค่อนข้างจำกัด เฟอร์นิเจอร์ของร้านจึงตั้งใจเลือกสรรให้ออกมาไม่ซ้ำแบบกัน เลือกมุมไหนก็ถ่ายรูปออกมาดีไปหมด เรียกได้ว่าถูกใจเหล่า instagramable ที่สามารถถ่ายรูปได้ทุกพื้นที่ของร้าน

ดูบรรยากาศร้านกันไปแล้ว เรามาเข้าเรื่องของสายกินกันบ้างโดยที่นี่ให้บริการหลากหลายเมนูเครื่องดื่มที่สามารถจับคู่กันกับเมนูเบเกอรีโฮมเมด เราขอแนะนำให้ลอง English Tea Orange Cake เค้กเนื้อเนียนที่มีกลิ่นหอมและรสของชาอังกฤษที่ผสมผสานเข้ากับความหวานของเนื้อส้ม ก่อนจะเทราดด้านบนด้วยน้ำตาลที่เพิ่มรสชาติให้กับเค้กก้อนนี้ได้อย่างดี หรือจะเป็น Salted Eggs Croissant ครัวซองต์โฮมเมดที่สอดไส้ซอสไข่เค็มแบบเน้นๆ ได้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม สามารถจับคู่ทานกับ Hot Latte ที่ใช้เมล็ดกาแฟเบลนด์จากดอยช้าง ซึ่งทางร้านจะเบลนด์ให้ได้รสชาติกลางๆ ดื่มง่าย ไม่เข้มขมจนเกินไป

พิกัด : ทองหล่อ 13 ซอยต่อศักดิ์
เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.
โทร. 06-5602-2446
www.facebook.com/season.bkk


% Arabica

% Arabica แบรนด์กาแฟสัญชาติญี่ปุ่น สัญลักษณ์เท่ ที่หลายคนเข้าใจว่ามันคือสัญลักษณ์เปอร์เซ็นต์ แต่ที่จริงแล้วมันคือ symbol ที่ถูกตัดทอนมาจากก้านและเมล็ดกาแฟ ที่ตอนนี้กำลังขยายสาขาไปแล้วทั่วโลก ได้มาเปิดสาขาแรกในไทยแล้ว กลางห้างไอคอนสยาม ซึ่งถูกออกแบบและตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์แบบเดียวกันกับสาขาอื่นทั่วโลก เน้นโทนสีขาวสว่างและเสริมด้วยไฟนีออน ตัดกับการใช้วัสดุกระจก เพื่อให้ได้มู้ดแอนด์โทนคลีนๆ สบายตา ขับจุดเด่นของร้านได้เป็นอย่างดี อย่างห้องคั่วกาแฟรุ่นใหม่สุดล้ำใจกลางร้าน กระสอบเมล็ดกาแฟที่ถูกตกแต่งไว้ด้านบนรอบๆ ร้าน เป็นการยกระดับสตอรี่ของร้านให้ดูน่าสนใจและโดดเด่นยิ่งขึ้นอีกด้วย กลางร้านมีพื้นที่จัดแบ่งสำหรับตั้งโรงคั่วภายในร้าน โชว์ให้เห็นเครื่องคั่วสุดล้ำ Tornado King สำหรับใครที่ต้องการซื้อเมล็ดกาแฟคั่ว สามารถสั่งซื้อจากหน้าร้านที่สาขาได้เลย

แน่นอนว่าร้านกาแฟ ก็ต้องมีเมนูหลักเป็นกาแฟ ด้วยร้านที่พึ่งเปิดทำการ อาจจะต้องอดใจรอกับบางเมนูที่ยังอยู่ระหว่างการขนส่งระหว่างประเทศอยู่ อาทิ กาแฟดริป แต่หากเป็นกาแฟทั่วไปอย่างอเมริกาโน มอคค่า หรือลาเต้ ก็สามารถสั่งได้เลย สำหรับราคาก็อยู่ในกลุ่มหนึ่งร้อยบาทนิดๆ ไม่ห่างจากกันมากนักในแต่ละประเภท

พิกัด : Iconsiam ชั้น 1 ใกล้กับ Apple Store
ร้าน วันจันทร์ – พฤหัส เวลา 11.00-20.00 น. และวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 10.00-20.00 น.
https://www.facebook.com/arabica.th


Other Cafe

โชว์ความคลีน ความเรียบเท่ชวนสะดุดตาตั้งแต่หน้าประตูร้านด้วยสไตล์การตกแต่งแบบ Minimal Rustic “Other Cafe” ที่สร้างความแตกต่างให้ซองรางน้ำจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มุมมองผ่านกระจกจะสะท้อนแสดงให้เห็นถึงบรรยากาศภายในร้านที่แปลกตาด้วยโครงสร้างคอนกรีตบวกบล็อกแก้วใส จึงสามารถรับแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามายังพื้นที่ด้านในได้อย่างงดงาม บริเวณกลางร้านเป็น Slow Bar มาพร้อมการตกแต่งบนเพดานด้วยเส้นสายไฟส่องสว่างที่ขดไปมาเป็น Installation Art ให้ชมกันเพลินๆ ระหว่างรอเครื่องดื่ม และ ‘รองเท้าสนีกเกอร์’ เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ใช้ในการตกแต่งภายในร้าน ซึ่งแต่เดิมพื้นที่นี้เคยเปิดเป็นร้านขายรองเท้าสนีกเกอร์มาก่อนนั่นเอง หลังจากรีโนเวทตัวตึกให้ดูโปร่งโล่ง เพื่อต้อนรับคอกาแฟและคนที่สนใจให้ได้เข้ามาเอ็นจอยกัน บริเวณชั้นวางของจะมีรูปปั้นซีรีส์รองเท้ายอดฮิตวางเรียงรายอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Ultra Boost, Airmax, Jordan, Yeezy หรือ Jack Purcell ฯลฯ

มาถึงที่นี่เราขอแนะนำให้สั่งเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Yeezy (ชื่อเหมือนรองเท้าเลย) เมนูกาแฟที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตและกาแฟเข้มข้น ใส่น้ำมะนาวสด สมุนไพรอัญชันและเพิ่มความหอมด้วยซินนามอน ทำให้กลายเป็นเครื่องดื่มกึ่งค็อกเทลที่มอบความสดชื่นและ อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ที่เพิ่มความสดชื่นได้ดีไม่แพ้กัน ต้องยกให้กับเมนู Air Max ด้วยแนวคิดจากรองเท้ารุ่นยอดฮิตของ Nike ถูกตีความออกมาแล้วยัดลงแก้วกาแฟสวยๆ ที่มีช็อตกาแฟหอมเข้มข้น ผสมไซรัปส้มยูซุและโทนิคที่มาเพิ่มความซาบซ่า เป็นเมนูที่หากไปถึงที่ร้านแล้วห้ามพลาด ต้องลองสั่งมาดื่มสักแก้ว

พิกัด : ตรงข้ามโรงแรม Bizotel ซอยรางน้ำ
เปิดทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น.
www.facebook.com/othercafe8


GREY RAY Café & More

คาเฟ่ที่เปี่ยมด้วยอัตลักษณ์จาก GREY RAY แบรนด์ Stationary ของไทย ตกแต่งสไตล์ Mid-Century Modern ผสมผสานสไตล์ Loft ผนวกกับการตกแต่งร้านด้วยสีเอิร์ธโทนที่มีรูปทรงเรขาคณิตเป็นส่วนประกอบในทุกมุมมอง ตั้งแต่เคาน์เตอร์ Slow Bar ปูนสี่เหลี่ยมที่เพิ่มดีเทลความเป็นลอนคลื่น โดยพื้นที่ทั้งหมดถูกจัดวางด้วยเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ และอาร์มแชร์ฟอร์มสวย พรีเซนต์ความเป็น GREY RAY ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา นอกจากจะเปิดให้แวะเวียนเข้ามาลิ้มลองเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ดับร้อนของทางแบรนด์แล้ว ที่นี่ยังมีบริการสำหรับใครที่กำลังมองหาพื้นที่นั่งสบายๆ รายล้อมด้วยบรรยากาศที่เหมาะแก่การนั่งทำงานแบบชิลล์ๆ อีกด้วย ซึ่งสินค้าทั้งหมดของ GREY RAY ถูกวางโชว์ไว้ให้คนที่เข้ามาใช้พื้นที่ Co-Working Space ได้ทดลองหยิบจับใช้งานจริงและช้อปปิ้งกลับบ้านกัน ยังมีห้อง Private Room ที่ตกแต่งด้วยชุดโซฟาสไตล์เรโทร โดยมีรูปภาพของ Marilyn Monroe สาวงามแห่งยุค 50s-60s ท่ามกลางแสงไฟสีแดงสลัว สำหรับผู้ที่สนใจขอแนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนเข้ามาใช้งาน

กรรมวิธีการทำกาแฟ คือ ความโดดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้ โดยเลือกใช้การชงเเบบ Slow Bar หรือการชงกาแฟแบบไม่มีเครื่อง Espresso Machine แต่จะใช้กาแฟ Cold Brew หรือการสกัดกาแฟที่ทำด้วยมือเป็นหลัก โดยลูกค้าสามารถนั่งดื่มกาแฟบนเก้าอี้บาร์บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับบาริสต้าไปพลางๆ ได้อีกด้วย เครื่องดื่มกาแฟที่ทางร้านแนะนำก็คือ Mile’s Brew เมนูซิกเนเจอร์ที่มีชื่อเต็มว่า ‘Miles Davis Brew’ ชื่อนักดนตรีเเจ๊สคนโปรดของเจ้าของร้านนั่นเอง เป็นส่วนผสมที่ลงตัวกันอย่างมากระหว่าง Cold Brew น้ำมะตูมและโป๊ยกั๊ก ให้กลิ่นหอมหวานในสัมผัสแรก ทิ้งท้ายด้วยรสขมเล็กๆ ของสมุนไพรไทย และความหอมกรุ่นของกาแฟที่ยังคงอบอวลอยู่ภายในปากเราราวกับดื่มด่ำเพลงของ Miles Davis เข้าไปเลยทีเดียว

พิกัด : ถนนราชปรารภ พญาไท
เปิด วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 10.00-19.00 น และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
โทร. 08-4680-9591 และ 08-5043-7666
www.facebook.com/greyraycafe


Baker Bricks

สัมผัสความหอมนุ่มหลากหลายเมนูสโคนที่ร้าน Baker Bricks Scone Gallery ที่ยกสูตรต้นตำรับจาก ร้านสโคนชื่อดังจากประเทศไต้หวัน มาเสิร์ฟเป็นที่แรกในไทยแลนด์ ในร้านหลังขนาดกะทัดรัดบนถนนสุขุมวิท 39 ให้เหล่าบรรดาคนรักสโคนได้ลิ้มลองกัน หากได้ลองมานั่งทานสโคนที่เคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ด้านข้างร้าน เราจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสบายๆ บวกกับแสงแดดยามบ่ายที่ส่องผ่านกระจกร้าน ยิ่งทวีคูณความเย้ายวน ชวนให้แวะเข้าไปลิ้มลอง ซึ่งแน่นอนว่าทุกเมนูของทางร้านเน้นใช้วัตถุดิบคุณภาพดี บวกกับกรรมวิธีการอบสูตรพิเศษ จึงได้รสชาติที่กรอบนอกนุ่มใน ไม่เหมือนใคร

เริ่มความอร่อยกันที่เมนูแนะนำอย่าง Plain สโคนรสออริจินัล ให้รสสัมผัสถึงความกรอบและนุ่ม พร้อมกลิ่นหอมละมุนของเนยที่ชัดเจน เสิร์ฟคู่กับครีมสดและแยมบลูเบอร์รีสูตรโฮมเมด หรือสำหรับใครที่ชอบทานบลูเบอร์รี ต้องลอง Blueberry Cream Cheese ที่รังสรรค์ด้วยสูตรเฉพาะ โดยใช้กรรมวิธีการนำครีมชีสมาผสมกับแป้งให้เข้ากันจนได้ที่ ทำให้ได้เนื้อสโคนมีความนิ่มและหอมกลิ่นครีมชีสไปพร้อมๆ กัน ตัดด้วยรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ จากบลูเบอร์รีที่ลงตัว ทานคู่กับเมนู Orange Americano เมนูกาแฟดำผสมน้ำส้มแท้ ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว ที่ตัดกับความขมของกาแฟได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการสร้างความสดชื่นในระหว่างวัน

พิกัด : ซอยสุขุมวิท 39 วัฒนา
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 7.00-17.00 น และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.30-17.00 น.
โทร. 08-8626-4244
https://www.facebook.com/bakerbricks.scone

#AreeyaHome

ขอบคุณข้อมูลจาก
Credi t: bkkmenu.com / dsignsomething.com / wongnai.com
Credit Images : eventpop.me / wongnai.com / lookbook.in.th / soimilk.com / wongnai.com / GREY RAY FACEBOOK PAGE

Eco – Packaging Trends

สำหรับผู้บริโภคยุคใหม่อย่างเราๆ มีทางเลือกอะไรบ้างที่น่าสนใจเข้ากับไลฟ์สไตล์ และรสนิยมซึ่งแตกต่างกันไปของแต่ละคน เรามาส่องไอเท็มดีไซน์เก๋ๆ กรีนๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศกันเลยค่ะ


SUNBIO ‘พลาสติก’ ที่ไม่ใช่ ‘พลาสติก’

นี่ไม่ใช่ซิงเกิลใหม่ของวง Getsunova แต่เป็นนวัตกรรมสุดล้ำฝีมือคนไทย โดยบริษัททานตะวันอุตสาหกรรมที่สร้างสรรค์แบรนด์บรรจุภัณฑ์น้องใหม่อย่าง “SUNBIO” เพื่อตอบโจทย์คนรักษ์โลก ทั้งนี้บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหลอดดูดเครื่องดื่ม ถุงซิป ถุงขยะ ล้วนย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ 100% ภายในระยะเวลา 180 วัน ผ่านวิธีการฝังกลบ และไม่เหลือแม้แต่เศษซากตกค้างให้เป็นที่รำคาญใจ แม้ว่าหน้าตาของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะคล้ายคลึงกับพลาสติกที่เรามักเห็นตามท้องตลาด แต่คุณรู้มั้ยว่ามันผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ คือ ข้าวโพดหรือมันสำปะหลัง ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้อย่างแน่นอน ทั้งการออกแบบที่มีกิมมิคและมีความหลากหลายเพื่อการใช้งาน นับว่าเป็นทางออกสำหรับยุคไร้พลาสติกที่คุณควรมีติดตัวไว้ รับรองได้ว่าเก๋จนกลายเป็นผู้นำเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อมตัวจริงได้ไม่ยาก


“Gracz” ภาชนะเพื่อชีวิตที่ยืนยาว

เกิดขึ้นจากความตั้งใจและเล็งเห็นถึงอันตรายจากบรรจุภัณฑ์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป โดยมีความเสี่ยงที่สารเคมีต่างๆ จะปนเปื้อนมากับอาหารอันมีส่วนก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ จึงมุ่งคิดค้นบรรจุภัณฑ์เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ Gracz ผลิตจากเยื่อพืชธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่เยื่อจากไม้ยืนต้นจึงไม่เป็นการทำลายป่า มีผลิตภัณฑ์แตกไลน์ออกมาหลายรูปแบบ อาทิ Gracz Classic บรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อย 100% มีสีขาวนวล เป็นผลิตภัณฑ์รุ่นแรกที่มีให้เลือกกว่า 50 แบบ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในโอกาสที่แตกต่างกัน สำหรับบรรจุอาหารทุกประเภท สามารถเก็บได้ในตู้เย็นและนำมาอุ่นในไมโครเวฟได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนภาชนะ ทำให้สะดวกรวดเร็วเหมาะกับวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ส่วน Gracz Simple เป็นบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อยผสมเยื่อไผ่ มีสีครีมธรรมชาติดูสบายตาน่าใช้ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้สามารถผลิตสินค้าได้ในราคาที่ซื้อหาได้ง่ายขึ้น คุณสมบัติยังคงใกล้เคียงกับของเดิม แต่นำมาอุ่นอาหารในไมโครเวฟได้ในเวลาสั้นลง ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติด้วยการฝังกลบภายใน 6 สัปดาห์


“Peel Saver” กรวยใส่เฟรนช์ฟรายส์จากเปลือกมันฝรั่ง

ไอเดียนี้มาจากนักออกแบบชาวอิตาลีผู้มองเห็นปัญหาจากกระบวนการผลิตเฟรนช์ฟรายส์ ว่าในการผลิตแต่ละครั้ง มักมีเปลือกมันฝรั่งถูกทิ้งจำนวนมาก แถมยังไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อะไร ด้วยเหตุนี้เขาจึงปิ๊งไอเดียนำเปลือกมันฝรั่งดังกล่าวมาทำเป็นกรวยใส่เฟรนช์ฟรายส์ เพื่อใช้เสิร์ฟให้กับลูกค้า ด้วยแนวคิด “จากต้นกำเนิดกลับคืนสู่ธรรมชาติ” หรือพูดง่ายๆ ก็คือ นำเปลือกมันฝรั่งกลับไปทำหน้าที่เดิมของมัน คือ การหุ้มห่อเนื้อมันฝรั่งไว้เช่นเดิมนั่นเอง
วิธีการทำก็คือ นำเปลือกมันฝรั่งมาแช่น้ำให้เปื่อย ตากให้แห้ง จากนั้นนำไปขึ้นรูปในแม่พิมพ์ทรงกลม จนได้เป็นเปลือกมันฝรั่งแผ่นบางๆ แล้วจึงนำมาม้วนให้เป็นกรวยเหมือนโคนไอศกรีม แถมตั้งชื่อเก๋ๆ ว่า “Peel Saver” ด้วย เรียกว่านอกจากเป็นการเลือกใช้แพ็กเกจจิ้งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้ง่ายแล้ว ยังช่วยเพิ่มสีสันในการบริโภคได้อีกด้วย


“Soapack” ขวดที่กลายร่างเป็นสบู่เมื่อใช้หมด

ความคิดนี้เป็นของ ‘Mi Zhou’ นักศึกษาปริญญาตรีแห่ง Central Saint Martins กรุงลอนดอน ด้วยการคิดค้นขวดเครื่องแป้งที่ชื่อว่า ‘Soapack’ ซึ่งหล่อขึ้นมาจากสบู่ โดยเขาคิดขึ้นว่าขวดหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ นั้น โดยส่วนใหญ่เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์จนหมดแล้ว โดยมากก็มักไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อะไร อย่างดีก็นำกลับมารีไซเคิลหรือนำไปใช้ใส่สิ่งของ
ด้วยเหตุนี้เพื่อไม่ให้เป็นขยะและสิ้นเปลืองงบการจัดเก็บ เขาจึงคิดว่าหากขวดหรือบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วนั้น ต้องสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เลยทันที จึงนึกไปถึงสบู่ซึ่งสามารถนำมาขึ้นรูปเป็นขวดรูปแบบต่างๆ ได้ โดยเขาได้ไอเดียมาจากบรรจุภัณฑ์กินได้นั่นเอง จึงได้นำไอเดียมาดัดแปลงใช้กับบรรจุภัณฑ์ใส่แชมพูและสบู่บ้าง โดยเขาไม่ได้คำนึงถึงแค่ประโยชน์การใช้งานเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบรูปทรง สีสันและขวดที่สวยงามด้วย ซึ่งหากใครอยากเก็บเป็นของประดับตกแต่ง ก็เพียงแค่ไม่วางให้โดนน้ำเท่านั้น แต่สุดท้ายไม่ว่ายังไง มันก็สามารถย่อยสลายได้อย่างเกิดประโยชน์ และไม่เหลือขยะทิ้งไว้ให้กับโลก


“FEEDitBAG” ถุงพลาสติกสุดเจ๋ง! ปลูกได้ กินได้

ถุงหูหิ้วของ EDEKA ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีมากกว่า 4,000 สาขาในประเทศเยอรมนี เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมาก ซึ่งมีส่วนประกอบจากแป้งข้าวโพด เป็นวัตถุดิบแบบ Bio-Degradable คือย่อยสลายได้ 100% บนตัวถุงฝังเมล็ดพันธุ์ที่นำไปปลูกต่อได้ คุณสามารถใส่เศษอาหารลงในถุง จากนั้นเอาทั้งถุงไปฝังในดินแล้วรดน้ำสม่ำเสมอ เมล็ดพันธุ์ที่อยู่บนถุงตั้งแต่แรกจะเริ่มโตใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา ส่วนตัวถุงจะถูกย่อยสลายหมดเกลี้ยงภายใน 10 สัปดาห์ ซึ่งตอนนี้ EDEKA มี 3 ถุงให้เลือกไปใช้คือ มะเขือเทศ มะเขือยาว และลูกแพร์ และยังมีโครงการให้คนช่วยโหวตถุงรุ่นต่อไปว่าจะเป็นพืชผักอะไรดี โดยเน้นผักสวนครัวเป็นหลัก เรียกว่า FEEDitBAG นอกจากจะทำให้ผู้คนไม่ทิ้งขยะให้เป็นภาระโลกแล้ว ยังให้ประโยชน์กลับคืนสู่ธรรมชาติด้วย และผักที่ปลูกได้ก็กลายเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารให้ผู้ปลูกต่อไป


ขวดบรรจุภัณฑ์ใหม่ Evian ไม่มีฉลากไร้บาร์โค้ด รีไซเคิลได้

น้ำแร่ Evian ได้ทำการออกแบบขวดบรรจุภัณฑ์เพื่อแก้ไขปัญหาการรีไซเคิล และเลิกใช้แผ่นพลาสติกบางๆ ที่บอกข้อมูลของผลิตภัณฑ์ออก เพราะเป็นส่วนที่รีไซเคิลได้ยาก แต่จะเปลี่ยนไปใช้การปั๊มตราโลโก้สินค้า และข้อมูลผลิตภัณฑ์ลงบนเนื้อพลาสติกของขวดแทน โดยตั้งเป้าหมายว่าขวดบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ทั้งหมดต้องทำมาจากวัสดุรีไซเคิล 100% ภายในปี 2025 รวมถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมดต้องสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งทำให้เกิดการใช้พลาสติกแบบหมุนเวียน ความพยายามของ Evian นับว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะในขณะนี้มีขวดบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกเพียง 10% เท่านั้นที่ถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ประกอบกับความต้องการใช้ขวดพลาสติกมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การผลิตพลาสติกใหม่อาจไม่เพียงพอกับความต้องการ
แต่ขวดบรรจุภัณฑ์ใหม่นี้ไม่ได้วางขายตามร้านค้าต่างๆ ทั่วโลก แต่จะวางขายในร้านอาหาร โรงแรม และจุดบริการสาธารณะบางแห่งเท่านั้น เพราะบรรจุภัณฑ์ใหม่นี้ไม่มีบาร์โค้ด จึงยังไม่สามารถวางขายที่ร้านค้าทั่วไปได้

#AreeyaHome
#SustainableHappiness

ขอบคุณข้อมูลจาก
Credit : lifestyle.socialgiver.com / gracz.co.th / creativecitizen.com / smethailandclub.com
Credit Image : cyrilzammit.com / brandinside.asia / dezeen.com / thantawan.com / creativecitizen.com

WARM WHITE, COOL WHITE & DAYLIGHT

Warm White, Cool White และ Daylight แตกต่างกันอย่างไร

เราใช้แสงไฟในชีวิตประจำวันตั้งแต่ตื่นจนถึงหลับ ถ้าใช้ไม่ถูกวิธี ไม่ถูกประเภท อาจส่งผลต่อสุขภาพได้ในระยะยาว ซึ่งจริงๆ แล้วหลักการนั้นมีไม่มาก แถมยังทำตามได้ไม่ยากด้วย ลองมาดูไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
– หลอดไฟ Warm White มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 2,500-3,300 เคลวิน ให้แสงในโทนสีส้มสบายตา และทำให้สีของวัตถุผิดเพี้ยนจากภาพจริง ช่วยให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวล นิยมใช้สร้างบรรยากาศต่างๆ ภายในบ้าน
– หลอดไฟ Cool White มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 4,000 เคลวิน ให้แสงสีขาวสว่างไสวในโทนอุ่น อยู่ในช่วงกึ่งกลางระหว่าง Warm White และ Daylight มอบความรู้สึกทันสมัย โปร่งโล่งสะอาดตา เป็นตัวเลือกกลางๆ ที่ใช้ได้กับแทบทุกพื้นที่
– หลอดไฟ Daylight มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 6,000-6,500 เคลวิน ให้แสงสีขาวในโทนฟ้าสว่าง สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดคล้ายแสงธรรมชาติในตอนกลางวัน ช่วยกระตุ้นร่างกายให้กระปรี้กระเปร่า และเหมาะกับสำหรับบริเวณที่ต้องการเห็นรายละเอียดแจ่มชัด เช่น โต๊ะแต่งหน้า โต๊ะทำงานฝีมือ

รูปแบบไฟมีอะไรบ้าง
– Ambient Light / ไฟบริเวณ
ไฟที่ให้แสงสว่างพื้นที่โดยรวมของห้องนั้นๆ เช่น ไฟซาลาเปา ไฟแขวนกลางห้อง
– Accent Light / ไฟส่องเน้น
ไฟที่ช่วยส่งเสริมความสวยงามของพื้นที่ให้เป็นจุดสนใจ เช่น ไฟส่องภาพแขวนผนัง หรืองานศิลปะ
– Task Light / ไฟเฉพาะจุด
ไฟที่ให้แสงสว่างเฉพาะจุด เช่น โคมไฟตั้งโต๊ะ ไฟแขวนเหนือโต๊ะกินข้าว ไฟหัวเตียง
– Concealed Light / ไฟหลืบ
ไฟที่ติดตั้งในตำแหน่งที่เราไม่สามารถมองเห็นหลอดไฟ เพียงแต่ให้แสงสว่างเท่านั้น เช่น ไฟหลืบในผนัง ไฟใต้ตู้เก็บของต่างๆ

แค่จัดแสงให้เหมาะ ห้องก็สวยเริ่ดได้
ทุกวันนี้เราอาจไม่ได้ใช้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งสำหรับวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียว การเลือกใช้แสงไฟจึงไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงว่าห้องเดียวต้องใช้ไฟประเภทเดียว โดยคุณสามารถนำไปมิกซ์แอนด์แมตช์ให้เหมาะกับการใช้งานได้
– ห้องนอน + ห้องทำงาน ห้องนอนส่วนมากมักตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งมีแสงตามธรรมชาติในช่วงเช้า ควรสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากที่สุด แนะนำให้ใช้ Cool White ที่ไม่สว่างจ้าเป็นไฟหลัก อาจติดบนเพดานเป็นแบบฝังฝ้า แล้วเสริมด้วย Warm White แบบฝังฝ้าหรือแบบโคมหัวเตียงก็ได้ สามารถลดความวิตกกังวลระหว่างคืนช่วยให้นอนหลับได้สนิท ส่วนบริเวณโต๊ะทำงาน ใช้โคมตั้งโต๊ะที่เป็นหลอด Daylight และพยายามหลีกเลี่ยงการตั้งโต๊ะที่ต้องหันหลังให้ไฟเพดาน เพื่อไม่ให้เกิดเงาสะท้อนเวลาเปิดไฟช่วงกลางคืน
– ห้องนอน + walk-in closet มุมแต่งตัวหรือห้องแต่งตัวในห้องนอน มักเป็นมุมอับ เพราะจะทำช่องเปิดหน้าต่างก็กลัวไม่เป็นส่วนตัว และแสงไฟจากห้องนอนก็ส่องไปไม่ถึง ถ้าคุณมีโอกาสได้ติดตั้งระบบไฟตั้งแต่แรกก็ควรจัดให้เป็นแบบ Daylight สำหรับห้องแต่งตัวไปเลย เพราะเวลาคุณลองชุดหรือแต่งหน้านั้น ต้องอิงกับแสงสว่างที่เป็นแสงธรรมชาติมากที่สุด
– ห้องครัว + ห้องรับแขก หลายคนมีงานอดิเรกคือชอบทำอาหาร เลยชวนเพื่อนๆ มาแฮงก์เอาต์ที่บ้านบ่อยๆ การจัดห้องครัวกึ่ง Open Space ไว้รับแขกด้วยก็สะดวกดี ส่วนครัวที่ใช้ประกอบอาหารสามารถใช้ได้ทั้ง Daylight และ Cool white บางคนใช้ Cool White เฉพาะจุด อย่างใต้เครื่องดูดควันหรือในตู้เก็บของ สำหรับห้องรับแขกและส่วนรับประทานอาหารก็เหมือนกัน แต่ควรเสริมด้วย Warm White เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นละมุนตามากขึ้น ให้ความรู้สึกสบายๆ เป็นกันเอง แถมยังช่วยให้อาหารดูน่ารับประทานยิ่งขึ้นอีกด้วย
– ห้องน้ำ + แกลเลอรี อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ลองสังเกตดูสิว่าสมัยนี้ห้องน้ำตามคาเฟ่เก๋ๆ มักมีงานศิลปะประดับอยู่ และหลายบ้านก็เริ่มนำทริกนี้มาใช้ สำหรับงานศิลปะนั้นเน้นเรื่องสัมผัสทางสายตา คุณสามารถติดตั้ง Cool White ให้ส่องไปที่ชิ้นงานโดยเฉพาะ ส่วนห้องน้ำก็ใช้แบบ Daylight ได้เลย ควรติดตั้งแบบฝังฝ้าเพดาน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปโดนจนไฟช็อต แต่หากต้องการปลดปล่อยอารมณ์ทิ้งกายในอ่างน้ำแบบสปาส่วนตัว หลอดไฟที่เหมาะสมก็คือ Warm White และ Cool White
– ห้องทำงาน + ห้องรับแขก สามารถใช้ Daylight เป็นไฟหลักได้ทั้งสองพื้นที่ ด้วยแสงที่สว่างสดใสและพอเพียงโดยเฉพาะพื้นที่ทำงาน ควรมี Daylight เพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพื่อลดอาการปวดกระบอกตาเวลาต้องจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ ทั้งนี้ยังช่วยสร้างสมาธิและกระตุ้นการทำงานได้เป็นอย่างดี ส่วนพื้นที่รับแขกน่าจะมีไฟเสริมเป็น Warm White อย่างโคมตั้งพื้นเด่นๆ สักชิ้น หรือไม่ก็ใช้แบบติดผนังเป็นเซตเก๋ๆ ถือเป็นของตกแต่งกึ่ง Sculpture ไปด้วยในตัว

แสงไฟนอกบ้านควรเลือกอย่างไร
พื้นที่ภายนอกมีปัจจัยเรื่องฝุ่น ควันและฝนเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่ควรคำถึงถึงอันดับแรกคือเรื่องของการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ปลอดภัย จากนั้นต้องเลือกทั้งหลอดไฟและตัวโคมไฟที่เป็นแบบเฉพาะสำหรับใช้ภายนอก ปัจจุบันมีโคมไฟแบบที่กันน้ำ กันแมลง กันฝุ่น ให้เลือกช้อปค่อนข้างเยอะ เช่นเดียวกับประเภทของโทนแสงไฟที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แสงสีขาวจ้าจนแสบตา แต่มีทั้งไฟสร้างบรรยากาศ ไฟส่องสว่างเฉพาะจุด อยู่ที่การเลือกใช้งานตามรสนิยมเจ้าของบ้าน

จะเห็นได้ว่าการเลือกโทนสีหลอดไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้น นอกจากจะช่วยสร้างอารมณ์ความรู้สึกให้แก่ผู้พักอาศัยแล้ว ยังเป็นวิธีตกแต่งบ้านในยามค่ำคืนให้ดูสวยมีสไตล์ โดยไม่จำเป็นต้องเสียงบประมาณไปกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ การซื้อหลอดไฟนั้นคุณสามารถสังเกตได้จากข้อความบนกล่องผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะระบุว่าหลอดไฟเป็นโทนสีแบบใดอย่างชัดเจน เพื่อให้คุณเลือกใช้งานได้อย่างตรงจุด

Credit : naibann.com / wemall.com / thestandard.co

#AreeyaHome
#HomeTips